สงครามของบริษัทข้ามชาติกับพลเมืองของโลก

สงครามของบริษัทข้ามชาติกับพลเมืองของโลก

ในปีนี้ บริษัท ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติ และมหาเศรษฐีที่อยู่เบื้องหลังบริษัทเหล่านี้ได้เปิดตัวขั้นตอนสุดท้ายของสงครามอันโหดร้ายต่อมวลมนุษยชาติ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทุ่มเทเงินจำนวนมากในการว่าจ้างหุ่นเชิดในการตอบคำถามสื่อเพื่อนำเสนอเรื่องราวที่ดี เรื่องราวมีความสุขต่อสถานการณ์อันเลวร้ายในปัจจุบัน ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่า ความตายเป็นเหมือนการทำนายซึ่งพวกเขามุ่งมั่นที่จะใช้กลยุทธ์ของการเบี่ยงเบนความสนใจ การแบ่งแยกเมล็ดพันธุ์ การทำลายความคิดที่มีเหตุผล และวิธีการผสมผสานของการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งกับการติดสินบนอย่างเปิดเผยเพื่อเอาชนะมวลมนุษยชาติอย่างช้าๆ อย่างเป็นระบบ และชนะอย่างมีอำนาจเหนือกว่า นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนเข้าสู่การเป็นทาส 99.98% ของประชากรโลก จากการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของพวกเขาทำให้พวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในแผนนี้ พวกเขายังรู้อีกด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายลงและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจะทำให้พวกเขาไม่สามารถผูกขาดความมั่งคั่งและทรัพยากรได้เป็นเวลานาน

ไม่มีข้อจำกัดอย่างแท้จริงว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน

เครื่องมือที่พวกเขาใช้ในการทำสงครามกับพลเมืองของโลกนี้ คือ เทคโนโลยี การโฆษณาชวนเชื่อและแคมเปญที่บิดเบือนข้อมูลในการดูแลรักษาบุคคลที่แสดงทักษะความเป็นผู้นำและการให้สินบนจำนวนมากสำหรับผู้นำที่ได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงในสื่อเพื่อแสดงถึงกลุ่มอนุรักษ์นิยมและสาเหตุที่พัฒนาขึ้น                 ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่นักลงทุนใช้ในการทำสงครามกับพลเมืองโลก คือ การจ้างบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวจุดอ่อนที่สำคัญบางอย่างในสมองและศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากความเบี่ยงเบนของมนุษย์ในการกำหนดความจริงตามความรู้สึกที่คลุมเครือของอารมณ์ตามสัญชาตญาณสัตว์มากกว่าการใช้ตรรกะ กล่าวคือพวกเขาลงทุนหลายพันล้านด้วยเงินที่ซ่อนอยู่เพื่อสร้างแรงกดดันทางสังคมอย่างเป็นระบบซึ่งทำให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างไม่มีจุดหมายเพื่อหน้ากากหรือวัคซีนที่เปิดตัวจากแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เพื่อเป็นแนวทางในการชักจูงประชากรควบคุมดูแลตนเอง

หากไม่มีกลยุทธ์ดังกล่าว ผู้มีอันจะกินก็ไม่สามารถยึดการควบคุมของทั้งโลกได้

มีการวิจัยอย่างกว้างขวางโดยบริษัทต่างๆและโดย CIA และกระทรวงกลาโหม (องค์กรของรัฐที่ใช้ประโยชน์เพื่อซ่อนหน่วยงานที่แท้จริงที่เรียกร้องการวิจัยดังกล่าว) ไปสู่วิธีที่มนุษย์สามารถถูกจัดการได้โดยปราศจากความรู้และถูกบังคับโดยการโน้มน้าวใจเพียงเล็กน้อยเพื่อขออนุญาตหรือกระทั่งขอความช่วยเหลือ การตัดสิทธิ์ของพวกเขาเองโดยที่เราไม่ได้รับรู้ถึงการครอบครองที่เงียบงันและมองไม่เห็นนี้

กิจการดังกล่าวก่อนหน้านี้ถูกดำเนินการมาโดยตลอด แต่มันไม่เคยถูกดำเนินการในระดับโลก กล่าวคือ พัฒนาการใหม่ ๆ เช่น การใช้งานซุปเปอร์คอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ การบูรณาการและการผ่อนปรนกฎระเบียบทางการเงินทั่วโลกทำให้แผนแม่บทดังกล่าวเป็นไปได้เป็นครั้งแรก

การพัฒนาล่าสุดถือได้ว่าเป็นการเร่งขั้นสุดท้ายของกระบวนการที่บริษัทต่างๆติดสินบนและชักจูงผู้มีอำนาจทั้งหมดในรัฐบาลและนักวิชาการให้ดำเนินการไปพร้อมกับกระบวนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การค้าและระบบอุตสาหกรรม (ระบบอัตโนมัติ) ซึ่งในตอนนี้หมายความว่า มีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถควบคุม   ทุก ๆ แง่มุมของประสบการณ์ของมนุษย์ในแง่ความรู้สึกสัมบูรณ์ (Absolute sense) ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถแม้แต่จะคิดได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เรายังไปไม่ถึงสถานะนั้น แต่ อิลอน มูสค์ (Elon Musk),                            บิล เกตส์ (Bill Gates) และคนอื่น ๆ เชื่อตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ว่าตอนนี้เป็นไปได้แล้ว

คนรวยระดับสูงยังได้ลงทุนอย่างชาญฉลาดในการจัดตั้งกลุ่มนักเคลื่อนไหวหลอกลวงหรือกลุ่มคนไร้อำนาจ รวมถึงองค์กรสาธารณะประโยชน์ หรือ NGOs “การเคลื่อนไหว” เหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ปรากฏในสื่อที่ควบคุมโดยองค์กรและพวกเขาแสร้งทำเป็นตอบสนองต่ออำนาจขององค์กร แต่พวกเขามีจุดประสงค์ที่จะกีดกันประชาชนจากการจัดระเบียบตัวเอง (พวกเขาขอเฉพาะการบริจาคหรือการเข้าร่วมการประท้วง แต่พวกเขาไม่ได้ให้อำนาจอย่างชัดเจนในการจัดตั้งกลุ่มของตนเองหรือบรรลุความเป็นอิสระทางการเงินและอุดมการณ์) องค์กรพัฒนาเอกชนดังกล่าวไม่นิ่งเฉยต่อการยักย้ายถ่ายเทของสื่อและการเมืองโดยการเงินทั่วโลก แม้ว่านั่นจะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาทางการเมืองที่เราเผชิญก็ตาม

หากเราทำตามวิถีโคจรปัจจุบัน จะไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในชีวิตของเราที่ถูกควบคุมโดยบริษัทข้ามชาติอย่างสมบูรณ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่เราไม่มีเวลานานขนาดนั้นที่จะกระทำการดังกล่าว

การผลักดันให้มี “วัคซีน” COVID-19 ที่ต้องเผชิญกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่อย่างท่วมท้นไม่ใช่เรื่องของวิทยาศาสตร์ที่ผิดพลาดหรือนโยบายที่ไม่ดี เป็นกระบวนการเตรียมเจ้าหน้าที่ของรัฐ แพทย์ผู้สื่อข่าว และสื่อมวลชนอื่น ๆ เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งจากเบื้องบนอย่างไม่มีเหตุผล หลังจากเข้าสู่ “กระบวนการทำให้อ่อนลง (softening-up process)” ซึ่งได้รับการปรับเทียบอย่างรอบคอบบนพื้นฐานโปรแกรมการทรมานของ CIA ที่เป็นความลับอันออกแบบมาเพื่อทดสอบจุดอ่อนของจิตใจมนุษย์ โปรแกรมสามารถปรับรูปแบบความรุนแรงและโหดร้ายมากขึ้นและนำมาใช้ได้

ข้อบังคับเรื่องหน้ากากเป็นขั้นตอนแรกในการใช้รูปแบบของสงครามจิตวิทยาครั้งใหญ่ มันคือการใช้คำศัพท์ทางเทคนิค เป็น “การข่มขืนจิตใจ” อย่างช้าๆ

การปรับโครงสร้างการปกครองและเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่อธิบายโดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ว่า “การตั้งค่าหรือรีเซตครั้งใหญ่” ไม่ใช่ความลับ และใครก็ตามที่ใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนั้นและเอกสารที่เกี่ยวข้องจะรู้ได้ว่า 70% ของวาระการประชุมคืออะไร

พลเมืองจะเชื่อมั่นว่าเขาหรือเธอทำงานในประเทศที่ปฏิบัติงานได้และมีกระบวนการบางอย่างที่นักการเมืองระดับบนจะดำเนินการในนามของพวกเขา แต่คนรวยระดับสูงจะไม่สนใจเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐชาติและประชากรของพวกเขา และพวกเขาใช้นักการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากตัวเอง ทุกครั้งที่นักการเมืองล้มเหลวมันคือการหันเหความสนใจของคุณจากการปล้นสะดมของคนรวย การโจมตีชนกลุ่มน้อยทุกครั้งเป็นกลอุบายที่จะทำให้คุณติดอยู่กับเชื้อชาติและความหลากหลาย และหันเหความสนใจจากระดับความเข้มข้นของความมั่งคั่ง

เราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอำนาจระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และการจงใจทำให้เราเมินเฉย เปิดรับการชักจูง และทำให้ไม่สามารถต่อต้านได้โดยสื่อที่ถูกควบคุมโดยอำนาจเหล่านั้น

คนรวยระดับสูงอาศัยสองวิธีในการจัดการทางจิตวิทยาที่ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1930 และก่อนหน้านี้ แต่ได้รับการปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบโดยการวิจัยล่าสุด

เทคนิคแรก คือ การใช้เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนทางจิตใจที่ถูกรายงานในลักษณะที่โลดโผนและไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ในสื่อเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกช็อก มึนงง ไม่สามารถจดจำอะไรได้ และเกิดความสับสนในประชากรโดยรวม ความบอบช้ำทางจิตใจจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 9.11 หรือวิกฤต COVID-19 ที่เพิ่มมากขึ้น หรือ “การจลาจลด้วยอาวุธ” ที่หน่วยงานของรัฐถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้เกิดความเมินเฉยและเปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงของสถาบันอย่างลึกซึ้งซึ่งเป็นไปไม่ได้

นาโอมิ ไคลน์ (Naomi Klein) อธิบายวิธีการนี้ว่าเป็น “หลักคำสอนที่น่าตกใจ” และแม้ว่าเธอจะลังเลที่จะเจาะลึกลงไปในระดับที่มันกลายเป็นนโยบายระดับชาติ แต่เธอก็ติดตามแนวทางกลับไปสู่โปรแกรมการทรมานที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบขีดจำกัดของจิตใจมนุษย์อย่างถูกต้อง

การบาดเจ็บดังกล่าวส่งผลกระทบต่อส่วนที่มีปฏิกิริยาและอารมณ์ของสมองมนุษย์ที่เรียกว่า                         “อะมิกดะลา (amygdala)” ซึ่งทำให้เกิดการตอบสนองแบบ “ต่อสู้หรือหลบหนี” ในจิตใจที่ลบล้างการตอบสนองที่มีเหตุผล มีการผสมผสาน และตอบสนองต่อเหตุการณ์ภายนอกที่จะดำเนินการโดยเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าในสภาวะปกติ เนื่องจากเราในฐานะปัจเจกบุคคลและในฐานะประชากรจะไม่ทราบว่า อะมิกดะลาได้เข้ามาควบคุมการตัดสินใจจากเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าเพราะแรงกระแทกทางวิศวกรรมเหล่านี้ เราจึงไม่สามารถจัดระเบียบหรือแม้แต่ตอบสนอง หรือมีความคิดเกี่ยวกับการคุกคามที่แท้จริง แต่เรามุ่งเน้นไปที่ภัยคุกคามที่ถูกปรุงขึ้นโดยสื่อเชิงพาณิชย์ เช่น การก่อการร้ายอิสลามในกรณี 9.11 หรือการแพร่กระจายของไวรัสอันตรายในกรณีของปฏิบัติการ COVID-19

กลยุทธ์ที่สอง คือ การกระตุ้นให้เกิดสภาวะที่ถูกสะกดจิตในสมองของแต่ละบุคคลและประชากรโดยรวมผ่านการสำเนาซ้ำอย่างต่อเนื่องในประเด็น/หัวข้อต่างๆ (themes) ผ่านการโฆษณา ผ่านรูปภาพประเด็นหรือหัวข้อที่แสดงในภาพยนตร์ รายการทีวี การรายงาน และแม้แต่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์

การกระตุ้นจะสลับไปมาระหว่างภาพที่น่าเบื่อและน่ารำคาญโดยมีเจตนาเพื่อดึงดูดความสนใจไปที่ศูนย์กลางด้านความพึงพอใจ ปีติยินดีของสมอง เช่น ความต้องการอาหาร การปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ หรือเพื่อประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ

โฆษณาที่ส่งเสริมความเพลิดเพลินในการรับประทานอาหารและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศในระดับต่ำไม่เพียงแต่มุ่งเป้าไปที่การขายผลิตภัณฑ์เท่านั้น พวกเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดสภาวะเมินเฉยของมวลประชากร

CIA อธิบายกระบวนการนี้ว่า “การสะกดจิตเป็นเทคนิคที่อนุญาตให้มีการเข้าถึงโดยตรงไปยังเยื่อหุ้มสมองส่วนรับประสาทสัมผัสและศูนย์ความพึงพอใจ รวมถึงส่วนล่างของสมอง (ด้านอารมณ์) ที่อยู่ด้านขวาของสมอง หลังจากปลดการทำงานของการคัดกรองสิ่งกระตุ้นของสมองซีกซ้ายได้สำเร็จ สมองซีกขวาซึ่งทำงานในส่วนของงานที่ไม่ต้องการวิเคราะห์ ส่วนที่เป็นองค์รวม ส่วนอวัจนภาษา และส่วนประกอบพื้นฐานทั่วไปของสมอง สมองซีกขวาดูเหมือนจะยอมรับสิ่งที่สมองซีกซ้ายส่งผ่านไปโดยไม่มีคำถาม ดังนั้นหากสมองซีกซ้ายสามารถฟุ้งซ่านได้ ไม่ว่าจะด้วยความเบื่อหน่ายหรือผ่านการลดลงไปสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งหลับ สิ่งเร้าภายนอกที่รวมถึงคำแนะนำที่ถูกสะกดจิต เหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้ส่งต่อไปยังซีกขวาอย่างปราศจากความท้าทายหรือข้อสงสัยซึ่งคำพูดชักจูงที่ผ่านกระบวนการสะกดจิตเหล่านั้นจะได้รับการยอมรับและดำเนินการโดยตรง”

อัตราของการทดลองนี้ในการสะกดจิตหมู่เพื่อทำให้พลเมืองของโลกอยู่เฉยๆและไม่สามารถต้านทานการชักจูงจากผู้มีอำนาจได้นั้นไม่เคยมีมาก่อน กระบวนการนี้ดำเนินการอย่างช้า ๆ เป็นเวลาหลายเดือนและหลายปีตามอัลกอริทึมที่ซับซ้อนซึ่งถูกเก็บเป็นความลับ

สิ่งสำคัญ คือ ในกระบวนการนี้ บุคคลจะถูกแยกออกจากกัน ไม่สามารถสื่อสารได้ ยกเว้นผ่านสื่อที่ควบคุมโดยบริษัทข้ามชาติ เฉพาะองค์กรที่ไม่มีประสิทธิภาพและผิวเผินเท่านั้นที่ได้รับการเสนอให้เข้าร่วมกระบวนการสะกดติตนี้ได้ เพื่อที่องค์กรดังกล่าวจะได้ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ สร้างกระบวนการ หรือมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง การกักกัน การปิดตาย การห่างเหินทางสังคม และการส่งเสริมวัฒนธรรมการบริโภคแบบหลงตัวเองมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการดังกล่าว

ผลลัพธ์ก็คือพลเมืองของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกกำลังลดจำนวนลงเหลือเพียงผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่จัดหาโดยบริษัทข้ามชาติ ซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะคิดได้ว่าโลกได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในการรีเซ็ตหรือเปลี่ยนแปลงใหม่ครั้งใหญ่นี้อย่างไร

ประชากรและองค์กรต่างๆจะแสดงออกถึงความเมินเฉยและไม่ตอบสนองเพื่อให้คนรวยชั้นสูงสามารถยึดการควบคุมที่สมบูรณ์ของระบบโดยพวกเขาสามารถปกครองประเทศต่าง ๆได้อย่างรวดเร็วด้วยเงินซึ่งเป็นตัวกำหนดสื่อที่กระจายข้อมูล มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยที่มีการนำเสนอมุมมองที่เชื่อถือได้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวิทยาศาสตร์ ฟาร์มและระบบการกระจายที่มีการจัดเตรียมอาหารไว้ให้ มีชั้นหินอุ้มน้ำ และระบบที่สร้างความรำคาญ ไม่มีเหตุผลที่จัดหาน้ำให้ และการจัดตรียมด้านอื่นๆในแง่มุมของประสบการณ์มนุษย์

เมื่อเราตื่นจากการหลับใหล หากเราเคยทำ เราจะพบว่าทุกแง่มุมของชีวิตเราถูกควบคุมโดยพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้ซึ่งเราไม่สามารถเข้าใจได้ ซึ่งเราไม่มีทางสงสัยและสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และเป็นระบบตามวิธีการที่เราถูกทำให้เป็นทาสและถ้าจำเป็นก็จะถูกทำลาย

Note:

– ข้อมูลจาก FOIA หัวข้อ “การวิเคราะห์และประเมินกระบวนการเกตเวย์ (Analysis and Assessment of Gateway Process)” ฉบับวันที่ 9 มิถุนายน 2526 (หน่วยข่าวกรองและหน่วยบัญชาการความมั่นคงของกองทัพสหรัฐฯ: US Army Intelligence and Security Command) CIA-RDP96-00788R001700210016-5

– บทความจากเว็ปไซต์ koreaittimes.com โดยดร. อิมานูเอล แพสทริช (Dr.Emanuel Pastreich, E-mail: epastreich@asia-institute.org) ประธานสถาบันเอเชีย ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี, กรุงโซล ปะเทศเกาหลี, กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

%d bloggers like this: