Category Archives: ภาษาไทย

สงครามของบริษัทข้ามชาติกับพลเมืองของโลก

สงครามของบริษัทข้ามชาติกับพลเมืองของโลก

ในปีนี้ บริษัท ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติ และมหาเศรษฐีที่อยู่เบื้องหลังบริษัทเหล่านี้ได้เปิดตัวขั้นตอนสุดท้ายของสงครามอันโหดร้ายต่อมวลมนุษยชาติ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทุ่มเทเงินจำนวนมากในการว่าจ้างหุ่นเชิดในการตอบคำถามสื่อเพื่อนำเสนอเรื่องราวที่ดี เรื่องราวมีความสุขต่อสถานการณ์อันเลวร้ายในปัจจุบัน ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่า ความตายเป็นเหมือนการทำนายซึ่งพวกเขามุ่งมั่นที่จะใช้กลยุทธ์ของการเบี่ยงเบนความสนใจ การแบ่งแยกเมล็ดพันธุ์ การทำลายความคิดที่มีเหตุผล และวิธีการผสมผสานของการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งกับการติดสินบนอย่างเปิดเผยเพื่อเอาชนะมวลมนุษยชาติอย่างช้าๆ อย่างเป็นระบบ และชนะอย่างมีอำนาจเหนือกว่า นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนเข้าสู่การเป็นทาส 99.98% ของประชากรโลก จากการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของพวกเขาทำให้พวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในแผนนี้ พวกเขายังรู้อีกด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายลงและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจะทำให้พวกเขาไม่สามารถผูกขาดความมั่งคั่งและทรัพยากรได้เป็นเวลานาน

ไม่มีข้อจำกัดอย่างแท้จริงว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน

เครื่องมือที่พวกเขาใช้ในการทำสงครามกับพลเมืองของโลกนี้ คือ เทคโนโลยี การโฆษณาชวนเชื่อและแคมเปญที่บิดเบือนข้อมูลในการดูแลรักษาบุคคลที่แสดงทักษะความเป็นผู้นำและการให้สินบนจำนวนมากสำหรับผู้นำที่ได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงในสื่อเพื่อแสดงถึงกลุ่มอนุรักษ์นิยมและสาเหตุที่พัฒนาขึ้น                 ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่นักลงทุนใช้ในการทำสงครามกับพลเมืองโลก คือ การจ้างบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวจุดอ่อนที่สำคัญบางอย่างในสมองและศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากความเบี่ยงเบนของมนุษย์ในการกำหนดความจริงตามความรู้สึกที่คลุมเครือของอารมณ์ตามสัญชาตญาณสัตว์มากกว่าการใช้ตรรกะ กล่าวคือพวกเขาลงทุนหลายพันล้านด้วยเงินที่ซ่อนอยู่เพื่อสร้างแรงกดดันทางสังคมอย่างเป็นระบบซึ่งทำให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างไม่มีจุดหมายเพื่อหน้ากากหรือวัคซีนที่เปิดตัวจากแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เพื่อเป็นแนวทางในการชักจูงประชากรควบคุมดูแลตนเอง

หากไม่มีกลยุทธ์ดังกล่าว ผู้มีอันจะกินก็ไม่สามารถยึดการควบคุมของทั้งโลกได้

มีการวิจัยอย่างกว้างขวางโดยบริษัทต่างๆและโดย CIA และกระทรวงกลาโหม (องค์กรของรัฐที่ใช้ประโยชน์เพื่อซ่อนหน่วยงานที่แท้จริงที่เรียกร้องการวิจัยดังกล่าว) ไปสู่วิธีที่มนุษย์สามารถถูกจัดการได้โดยปราศจากความรู้และถูกบังคับโดยการโน้มน้าวใจเพียงเล็กน้อยเพื่อขออนุญาตหรือกระทั่งขอความช่วยเหลือ การตัดสิทธิ์ของพวกเขาเองโดยที่เราไม่ได้รับรู้ถึงการครอบครองที่เงียบงันและมองไม่เห็นนี้

กิจการดังกล่าวก่อนหน้านี้ถูกดำเนินการมาโดยตลอด แต่มันไม่เคยถูกดำเนินการในระดับโลก กล่าวคือ พัฒนาการใหม่ ๆ เช่น การใช้งานซุปเปอร์คอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ การบูรณาการและการผ่อนปรนกฎระเบียบทางการเงินทั่วโลกทำให้แผนแม่บทดังกล่าวเป็นไปได้เป็นครั้งแรก

การพัฒนาล่าสุดถือได้ว่าเป็นการเร่งขั้นสุดท้ายของกระบวนการที่บริษัทต่างๆติดสินบนและชักจูงผู้มีอำนาจทั้งหมดในรัฐบาลและนักวิชาการให้ดำเนินการไปพร้อมกับกระบวนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การค้าและระบบอุตสาหกรรม (ระบบอัตโนมัติ) ซึ่งในตอนนี้หมายความว่า มีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถควบคุม   ทุก ๆ แง่มุมของประสบการณ์ของมนุษย์ในแง่ความรู้สึกสัมบูรณ์ (Absolute sense) ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถแม้แต่จะคิดได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เรายังไปไม่ถึงสถานะนั้น แต่ อิลอน มูสค์ (Elon Musk),                            บิล เกตส์ (Bill Gates) และคนอื่น ๆ เชื่อตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ว่าตอนนี้เป็นไปได้แล้ว

คนรวยระดับสูงยังได้ลงทุนอย่างชาญฉลาดในการจัดตั้งกลุ่มนักเคลื่อนไหวหลอกลวงหรือกลุ่มคนไร้อำนาจ รวมถึงองค์กรสาธารณะประโยชน์ หรือ NGOs “การเคลื่อนไหว” เหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ปรากฏในสื่อที่ควบคุมโดยองค์กรและพวกเขาแสร้งทำเป็นตอบสนองต่ออำนาจขององค์กร แต่พวกเขามีจุดประสงค์ที่จะกีดกันประชาชนจากการจัดระเบียบตัวเอง (พวกเขาขอเฉพาะการบริจาคหรือการเข้าร่วมการประท้วง แต่พวกเขาไม่ได้ให้อำนาจอย่างชัดเจนในการจัดตั้งกลุ่มของตนเองหรือบรรลุความเป็นอิสระทางการเงินและอุดมการณ์) องค์กรพัฒนาเอกชนดังกล่าวไม่นิ่งเฉยต่อการยักย้ายถ่ายเทของสื่อและการเมืองโดยการเงินทั่วโลก แม้ว่านั่นจะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาทางการเมืองที่เราเผชิญก็ตาม

หากเราทำตามวิถีโคจรปัจจุบัน จะไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในชีวิตของเราที่ถูกควบคุมโดยบริษัทข้ามชาติอย่างสมบูรณ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่เราไม่มีเวลานานขนาดนั้นที่จะกระทำการดังกล่าว

การผลักดันให้มี “วัคซีน” COVID-19 ที่ต้องเผชิญกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่อย่างท่วมท้นไม่ใช่เรื่องของวิทยาศาสตร์ที่ผิดพลาดหรือนโยบายที่ไม่ดี เป็นกระบวนการเตรียมเจ้าหน้าที่ของรัฐ แพทย์ผู้สื่อข่าว และสื่อมวลชนอื่น ๆ เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งจากเบื้องบนอย่างไม่มีเหตุผล หลังจากเข้าสู่ “กระบวนการทำให้อ่อนลง (softening-up process)” ซึ่งได้รับการปรับเทียบอย่างรอบคอบบนพื้นฐานโปรแกรมการทรมานของ CIA ที่เป็นความลับอันออกแบบมาเพื่อทดสอบจุดอ่อนของจิตใจมนุษย์ โปรแกรมสามารถปรับรูปแบบความรุนแรงและโหดร้ายมากขึ้นและนำมาใช้ได้

ข้อบังคับเรื่องหน้ากากเป็นขั้นตอนแรกในการใช้รูปแบบของสงครามจิตวิทยาครั้งใหญ่ มันคือการใช้คำศัพท์ทางเทคนิค เป็น “การข่มขืนจิตใจ” อย่างช้าๆ

การปรับโครงสร้างการปกครองและเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่อธิบายโดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ว่า “การตั้งค่าหรือรีเซตครั้งใหญ่” ไม่ใช่ความลับ และใครก็ตามที่ใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนั้นและเอกสารที่เกี่ยวข้องจะรู้ได้ว่า 70% ของวาระการประชุมคืออะไร

พลเมืองจะเชื่อมั่นว่าเขาหรือเธอทำงานในประเทศที่ปฏิบัติงานได้และมีกระบวนการบางอย่างที่นักการเมืองระดับบนจะดำเนินการในนามของพวกเขา แต่คนรวยระดับสูงจะไม่สนใจเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐชาติและประชากรของพวกเขา และพวกเขาใช้นักการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากตัวเอง ทุกครั้งที่นักการเมืองล้มเหลวมันคือการหันเหความสนใจของคุณจากการปล้นสะดมของคนรวย การโจมตีชนกลุ่มน้อยทุกครั้งเป็นกลอุบายที่จะทำให้คุณติดอยู่กับเชื้อชาติและความหลากหลาย และหันเหความสนใจจากระดับความเข้มข้นของความมั่งคั่ง

เราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอำนาจระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และการจงใจทำให้เราเมินเฉย เปิดรับการชักจูง และทำให้ไม่สามารถต่อต้านได้โดยสื่อที่ถูกควบคุมโดยอำนาจเหล่านั้น

คนรวยระดับสูงอาศัยสองวิธีในการจัดการทางจิตวิทยาที่ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1930 และก่อนหน้านี้ แต่ได้รับการปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบโดยการวิจัยล่าสุด

เทคนิคแรก คือ การใช้เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนทางจิตใจที่ถูกรายงานในลักษณะที่โลดโผนและไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ในสื่อเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกช็อก มึนงง ไม่สามารถจดจำอะไรได้ และเกิดความสับสนในประชากรโดยรวม ความบอบช้ำทางจิตใจจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 9.11 หรือวิกฤต COVID-19 ที่เพิ่มมากขึ้น หรือ “การจลาจลด้วยอาวุธ” ที่หน่วยงานของรัฐถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้เกิดความเมินเฉยและเปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงของสถาบันอย่างลึกซึ้งซึ่งเป็นไปไม่ได้

นาโอมิ ไคลน์ (Naomi Klein) อธิบายวิธีการนี้ว่าเป็น “หลักคำสอนที่น่าตกใจ” และแม้ว่าเธอจะลังเลที่จะเจาะลึกลงไปในระดับที่มันกลายเป็นนโยบายระดับชาติ แต่เธอก็ติดตามแนวทางกลับไปสู่โปรแกรมการทรมานที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบขีดจำกัดของจิตใจมนุษย์อย่างถูกต้อง

การบาดเจ็บดังกล่าวส่งผลกระทบต่อส่วนที่มีปฏิกิริยาและอารมณ์ของสมองมนุษย์ที่เรียกว่า                         “อะมิกดะลา (amygdala)” ซึ่งทำให้เกิดการตอบสนองแบบ “ต่อสู้หรือหลบหนี” ในจิตใจที่ลบล้างการตอบสนองที่มีเหตุผล มีการผสมผสาน และตอบสนองต่อเหตุการณ์ภายนอกที่จะดำเนินการโดยเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าในสภาวะปกติ เนื่องจากเราในฐานะปัจเจกบุคคลและในฐานะประชากรจะไม่ทราบว่า อะมิกดะลาได้เข้ามาควบคุมการตัดสินใจจากเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าเพราะแรงกระแทกทางวิศวกรรมเหล่านี้ เราจึงไม่สามารถจัดระเบียบหรือแม้แต่ตอบสนอง หรือมีความคิดเกี่ยวกับการคุกคามที่แท้จริง แต่เรามุ่งเน้นไปที่ภัยคุกคามที่ถูกปรุงขึ้นโดยสื่อเชิงพาณิชย์ เช่น การก่อการร้ายอิสลามในกรณี 9.11 หรือการแพร่กระจายของไวรัสอันตรายในกรณีของปฏิบัติการ COVID-19

กลยุทธ์ที่สอง คือ การกระตุ้นให้เกิดสภาวะที่ถูกสะกดจิตในสมองของแต่ละบุคคลและประชากรโดยรวมผ่านการสำเนาซ้ำอย่างต่อเนื่องในประเด็น/หัวข้อต่างๆ (themes) ผ่านการโฆษณา ผ่านรูปภาพประเด็นหรือหัวข้อที่แสดงในภาพยนตร์ รายการทีวี การรายงาน และแม้แต่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์

การกระตุ้นจะสลับไปมาระหว่างภาพที่น่าเบื่อและน่ารำคาญโดยมีเจตนาเพื่อดึงดูดความสนใจไปที่ศูนย์กลางด้านความพึงพอใจ ปีติยินดีของสมอง เช่น ความต้องการอาหาร การปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ หรือเพื่อประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ

โฆษณาที่ส่งเสริมความเพลิดเพลินในการรับประทานอาหารและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศในระดับต่ำไม่เพียงแต่มุ่งเป้าไปที่การขายผลิตภัณฑ์เท่านั้น พวกเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดสภาวะเมินเฉยของมวลประชากร

CIA อธิบายกระบวนการนี้ว่า “การสะกดจิตเป็นเทคนิคที่อนุญาตให้มีการเข้าถึงโดยตรงไปยังเยื่อหุ้มสมองส่วนรับประสาทสัมผัสและศูนย์ความพึงพอใจ รวมถึงส่วนล่างของสมอง (ด้านอารมณ์) ที่อยู่ด้านขวาของสมอง หลังจากปลดการทำงานของการคัดกรองสิ่งกระตุ้นของสมองซีกซ้ายได้สำเร็จ สมองซีกขวาซึ่งทำงานในส่วนของงานที่ไม่ต้องการวิเคราะห์ ส่วนที่เป็นองค์รวม ส่วนอวัจนภาษา และส่วนประกอบพื้นฐานทั่วไปของสมอง สมองซีกขวาดูเหมือนจะยอมรับสิ่งที่สมองซีกซ้ายส่งผ่านไปโดยไม่มีคำถาม ดังนั้นหากสมองซีกซ้ายสามารถฟุ้งซ่านได้ ไม่ว่าจะด้วยความเบื่อหน่ายหรือผ่านการลดลงไปสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งหลับ สิ่งเร้าภายนอกที่รวมถึงคำแนะนำที่ถูกสะกดจิต เหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้ส่งต่อไปยังซีกขวาอย่างปราศจากความท้าทายหรือข้อสงสัยซึ่งคำพูดชักจูงที่ผ่านกระบวนการสะกดจิตเหล่านั้นจะได้รับการยอมรับและดำเนินการโดยตรง”

อัตราของการทดลองนี้ในการสะกดจิตหมู่เพื่อทำให้พลเมืองของโลกอยู่เฉยๆและไม่สามารถต้านทานการชักจูงจากผู้มีอำนาจได้นั้นไม่เคยมีมาก่อน กระบวนการนี้ดำเนินการอย่างช้า ๆ เป็นเวลาหลายเดือนและหลายปีตามอัลกอริทึมที่ซับซ้อนซึ่งถูกเก็บเป็นความลับ

สิ่งสำคัญ คือ ในกระบวนการนี้ บุคคลจะถูกแยกออกจากกัน ไม่สามารถสื่อสารได้ ยกเว้นผ่านสื่อที่ควบคุมโดยบริษัทข้ามชาติ เฉพาะองค์กรที่ไม่มีประสิทธิภาพและผิวเผินเท่านั้นที่ได้รับการเสนอให้เข้าร่วมกระบวนการสะกดติตนี้ได้ เพื่อที่องค์กรดังกล่าวจะได้ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ สร้างกระบวนการ หรือมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง การกักกัน การปิดตาย การห่างเหินทางสังคม และการส่งเสริมวัฒนธรรมการบริโภคแบบหลงตัวเองมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการดังกล่าว

ผลลัพธ์ก็คือพลเมืองของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกกำลังลดจำนวนลงเหลือเพียงผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่จัดหาโดยบริษัทข้ามชาติ ซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะคิดได้ว่าโลกได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในการรีเซ็ตหรือเปลี่ยนแปลงใหม่ครั้งใหญ่นี้อย่างไร

ประชากรและองค์กรต่างๆจะแสดงออกถึงความเมินเฉยและไม่ตอบสนองเพื่อให้คนรวยชั้นสูงสามารถยึดการควบคุมที่สมบูรณ์ของระบบโดยพวกเขาสามารถปกครองประเทศต่าง ๆได้อย่างรวดเร็วด้วยเงินซึ่งเป็นตัวกำหนดสื่อที่กระจายข้อมูล มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยที่มีการนำเสนอมุมมองที่เชื่อถือได้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวิทยาศาสตร์ ฟาร์มและระบบการกระจายที่มีการจัดเตรียมอาหารไว้ให้ มีชั้นหินอุ้มน้ำ และระบบที่สร้างความรำคาญ ไม่มีเหตุผลที่จัดหาน้ำให้ และการจัดตรียมด้านอื่นๆในแง่มุมของประสบการณ์มนุษย์

เมื่อเราตื่นจากการหลับใหล หากเราเคยทำ เราจะพบว่าทุกแง่มุมของชีวิตเราถูกควบคุมโดยพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้ซึ่งเราไม่สามารถเข้าใจได้ ซึ่งเราไม่มีทางสงสัยและสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และเป็นระบบตามวิธีการที่เราถูกทำให้เป็นทาสและถ้าจำเป็นก็จะถูกทำลาย

Note:

– ข้อมูลจาก FOIA หัวข้อ “การวิเคราะห์และประเมินกระบวนการเกตเวย์ (Analysis and Assessment of Gateway Process)” ฉบับวันที่ 9 มิถุนายน 2526 (หน่วยข่าวกรองและหน่วยบัญชาการความมั่นคงของกองทัพสหรัฐฯ: US Army Intelligence and Security Command) CIA-RDP96-00788R001700210016-5

– บทความจากเว็ปไซต์ koreaittimes.com โดยดร. อิมานูเอล แพสทริช (Dr.Emanuel Pastreich, E-mail: epastreich@asia-institute.org) ประธานสถาบันเอเชีย ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี, กรุงโซล ปะเทศเกาหลี, กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

คำแถลงการณ์ 17 ประการของ

อิมานูเอล แพสทริช (Emanuel Pastreich)

คำแถลงการณ์ 17 ประการของ

ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาปี2020 โดยได้เสนอนโยบาย 17  ประการ ที่เรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างพื้นฐานในทุกแง่มุมของสังคมสหรัฐอเมริกา มีระบบการเมืองที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง ขจัดความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมอันลึกซึ้งที่สร้างความสูญเปล่าให้กับสหรัฐอเมริกา เราต้องรวมความเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้งต่อความทุกข์ยากของคนธรรมดาด้วยวิสัยทัศน์ที่สร้างแรงบันดาลใจว่าประเทศนี้จะเป็นอย่างไร

ข้อโต้แย้งของแพสทริชคือ: เราต้องต่อสู้ร่วมกันเพื่อสร้างสถาบันที่มีส่วนร่วมในทุกพื้นที่ใกล้เคียงที่จะอนุญาตให้พลเมืองของเราสร้างอุดมคติ ฝึกฝนนิสัย และเตรียมนโยบายที่จะเป็นรากฐานที่เราจะสร้างสาธารณรัฐขึ้นใหม่ รัฐที่ดีเกิดขึ้นจากการร่วมมือของประชาชนทุกคนมากกว่าการเป็นทาสของสื่อที่ปัจจุบันทุจริตและหากินกับผู้บริโภค มันจะดีกว่าที่จะสร้างวารสารศาสตร์พลเมืองของเราเองมากกว่าที่จะคร่ำครวญต่อหน้าสื่อที่ไร้สาระ

นอกจากนี้แพสทริชจะขอให้ผู้ฟังหรือประชาชนช่วยลงคะแนนเสียงให้เขาแล้ว เขายังชักชวนให้ร่วมแคมเปญที่เขาเสนอเพื่อสร้างรัฐบาลอันเกิดจากระบอบประชาธิปไตยที่เกิดจากความร่วมมือของประชาชน อย่างแท้จริง หรือเป็นประชาธิปไตยระดับชาติ (a national democracy) ความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นตัวบ่งชี้ความต้องการของประชาชนในทุก ๆ ด้าน และใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด โดยคำแถลงการณ์/นโยบายทั่ง 17 ข้อนี้เปรียบเสมือนนาฬิกาที่จะคอยเตือนเมื่อประเทศเกิดปัญหา หยุดปัญหานั้น ให้เราสามารถแก้ไขและปรับปรุงได้ทันเวลา

หลักการพื้นฐานสองประการที่จะคาดเดาการดำเนินการในอนาคต

การค้นหาความจริงทางวิทยาศาสตร์

ประชาธิปไตยคือกระบวนการที่ความต้องการและภูมิปัญญาของประชาชนถูกแปลงเป็นนโยบาย แต่ถ้าผู้คนหลงผิดถูกใช้สื่อสิ่งพิมพ์ที่บิดเบือนและปรุงแต่ง ถ้าพวกเขาถูกสอนให้ตามใจตัวเองและทำให้เสียผลประโยชน์ในการปกครองเราก็จะเป็นประชาธิปไตยที่ปราศจากประชาชน หากการถกเถียงเรื่องนโยบายไม่มีมูลความจริงเราก็มีประชาธิปไตยในจินตนาการ หากเราลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินว่าอะไรเป็นความจริงแสดงว่าเราได้เข้าสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วและมีเหตุผล

นอกจากมติคะแนนเสียงที่เป็นไปตามความจริงจะแสดงถึงความเป็นประชาธิปไตย และความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงแล้ว มติคะแนนดังกล่าวยังสามารถบอกถึงความจริงของประเทศทั้งในเรื่องความยากจน การศึกษา ชุมชน หรือทหาร นอกจากนี้มันยังทำให้ประชาชนได้ตรวจสอบสถานการณ์บ้านเมืองหรือพื้นที่ใกล้เคืองของตน กระตุ้นให้ประชาชนมีความกล้าหาญทางจริยธรรม เพื่อสร้างแนวทางการแก้ไข และนำไปปฏิบัติ ตรงตามคำกล่าวของประธานาธิบดีอับราฮัมลินคอล์นที่ว่า “ของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน” คือจุดประสงค์ของเรา

รัฐบาลเพื่อประชาชน

รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาวางพิมพ์เขียวสำหรับรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของประชาชนไม่ใช่ผู้มีอำนาจ อย่างไรก็ตามเรายังสามารถรักษาความเป็นประชาธิปไตยได้โดยการพลิกโฉมรัฐบาลใหม่ที่ปกป้องสวัสดิภาพของประชาชนและปกป้องผู้ที่ต่อต้านผู้มีอำนาจ การสร้างรัฐบาลที่ให้ผลประโยชน์และปราศจากความรุนแรงและสงครามถือเป็นศูนย์กลางของวาระแห่งชาติ

การรณรงค์นี้จะเดินหน้าต่อไป ซึ่งอาจต้องเผชิญกับอำนาจนายทุน คนมั่งมี แต่ด้วยพลังความรักประเทศชาติ เราจะทำให้ทุกคนเห็นชัดเจนว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือสิ่งที่มองไม่เห็น นั่นคือ ค่านิยมหลักที่นำทางเราทั้งในฐานะปัจเจกชนกลุ่มและในฐานะประเทศชาติในการเสียสละตัวเองอย่างพร้อมเพียง ไม่เพียงแต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเท่านั้น แต่เพื่อการแสวงหาความจริงด้วย

คำแถลงการณ์ 17 ประการของ อิมานูเอล แพสทริช (Emanuel Pastreich)

1) เราจะไม่รับรู้การเลือกตั้งใด ๆ ที่ไม่ยุติธรรม

ระบบการเลือกตั้งในปัจจุบันกำจัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั่วไป ประชาชนบางกลุ่มถูกลิดรอนสิทธิอันเนื่องมาจากขาดคุณสมบัติตามที่รัฐบาลกำหนด เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจหรือรายได้ อีกทั้งข้อมูลบางอย่างก็ถูกปิดบัง รวมไปถึงยังไม่เป็นสากลมากพอทำให้จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน นอกจากนี้ระบบการเลือกตั้งดังกล่าวยังไม่โปร่งใสและถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่ระบบการเลือกตั้งพึงตั้งอยู่บนพื้นฐานทางศีลธรรม ปราศจากการสนับสนุนจากนายทุนและการฉ้อโกง

2) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่ครอบงำ

ตามแผนพัฒนา 100 ปี สหรัฐอเมริกามีนโยบายเพื่อการบรรเทาและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสำคัญ โดยมุ่งเน้นควบคู่ไปกับนโยบายด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการศึกษาทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นเรื่องการจำกัดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน  โดยเริ่มจากการกำหนดนโยบายงดใช้รถยนต์ส่วนตัวและจำกัดการใช้เครื่องบิน รัฐบาลจะออกนโยบายการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม แทนการใช้พลังงานเชื้อเพลิงหรือฟอสซิล โดยจะติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในทุกพื้นที่

ในเรื่องของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับเทคโนโลยีข้างตนจะถูกยึดครองโดยรัฐบาล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนควบคุมการใช้น้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน  และแร่ยูเรเนียม

กองทัพจะเปลี่ยนเป็นพลังงานหมุนเวียน 100% ก่อนหน่วยงานอื่น ๆ ของประเทศและจะเปลี่ยนจากศัตรูที่ของสิ่งแวดล้อมไปเป็นผู้พิทักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนใช้เงินทุนที่ได้จากการยึดบริษัทที่กระทำผิดตามกฎหมายพลังงานและสิ่งแวดล้อมไปใช้สนับสนุนหรือเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลจะกำกับดูแลการสร้างชุมชนเมืองและชานเมืองที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงและดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ป่าเพื่อรับรองความหลากหลายทางชีวภาพ

3) กำจัดอาวุธนิวเคลียร์ด้วยวิธีการใด ๆ ที่จำเป็น

เสนอให้มีนโยบายที่มุ่งกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ให้หมดไปจากโลก เพื่อประโยชน์ของเยาวชนของประเทศ เราจะกวาดต้อนและทำลายอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดโดยเริ่มในสหรัฐอเมริกาและจากนั้นในประเทศอื่น ๆ ทั้งหมด การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จะต้องหยุดลง

4) เปิดตัวการสืบสวนทางวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศในอดีตที่หลายคนปฏิเสธที่จะเผชิญหน้า

ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการหาความจริงของคดีหรือเหจุการณ์ที่สำคัญๆ และเป็นที่สงสัยต่อประชาชน เช่น เหตุการณ์หลังการเลือกตั้งปี 2000 รวมถึงเหตุการณ์ที่เรียกว่า“ 9/11” ตลอดจนหาความจริงในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การปรองดอง เปิดเผยเรื่องราวที่ซื่อสัตย์ให้พลเมืองสหรัฐอเมริกาและให้โลกได้เห็น และไม่มอบเสียงตำหนิให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงเพราะเรื่องเล่าหรือนิทาน

5) นำกองทัพสหรัฐฯกลับบ้านและยกระดับสหประชาชาติ

เสนอนโยบายนำกองทัพสหรัฐกลับบ้าน โดยปราศจากการรับใช้องค์กรหรือหน่วยงานนอกระบบ แต่สนับสนุนให้กองทัพสหรัฐอเมริกาต่อสู้และรักษาความั่นคงของประเทศและสหประชาชาติอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ องค์การสหประชาชาติจะต้องเป็นพื้นที่หลักในการวางแผนอนาคตสำหรับโลกที่เปราะบางของเราแล้วนำไปปฏิบัติ ภายหลังการปฏิรูปอย่างสมบูรณ์เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนของพลเมืองของโลก

6) บริษัท ไม่ใช่คน

บริษัท ไม่ใช่คนและไม่มีบทบาทในการกำหนดนโยบาย เช่นเดียวกับคนรวยระดับสูงและสำหรับธนาคารเพื่อการลงทุนที่พวกเขาใช้ความตั้งใจ ข้อมูลที่กำหนดโดยผู้กำหนดนโยบายจะต้องจัดทำโดยข้าราชการอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ ซึ่งสามารถมีส่วนร่วมในการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศของเราอย่างมีวัตถุประสงค์โดยไม่ต้องกดดันให้ได้มาซึ่งผลกำไร คนรวยไม่ควรมีบทบาทพิเศษในการกำหนดนโยบายของรัฐ แต่พึงเป็นข้าราชการที่มีความสามารถและจริยธรรม เราต้องเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติราชการ เพื่อให้รัฐบาลได้รับความเป็นอิสระจากองค์กรต่าง ๆ และสามารถสร้างระบบการกำกับดูแลที่เข้มงวดเพื่อปกป้องประชาชน

7) เศรษฐกิจของประชาชนและเพื่อประชาชน

มีระบบเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันตามระบอบประชาธิปไตย โดยระบบเศรษฐกิจต้องไม่ตกอยู่ในมือของกลุ่มชนชั้นสูงที่ได้สร้างความมั่งคั่งมหาศาลด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรมมานานหลายทศวรรษ

ทั้งหมดนี้จะหยุดลง เมื่อเราให้อำนาจผู้ตรวจสอบมืออาชีพหลายพันคนที่ Internal Revenue Service และหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก FBI จะเดินหน้าและดำเนินการตรวจสอบทุกสาขาของรัฐบาลอย่างไม่เกรงกลัวรวมถึงกระทรวงกลาโหม เราจะเรียกร้องให้มีการตรวจสอบทางการเงินอย่างสมบูรณ์ของรัฐสภาและสมาชิกทั้งหมด รวมถึงสาขาด้านการบริหารและสมาชิกทุกคนที่สำคัญของตุลาการต้องได้รับการตรวจสอบ เราจะไม่กลัวที่จะต้องดำเนินคดี ปรับ และจำคุกคนหลายพันคนหรือมากกว่านั้นหากจำเป็น

การเงินนับจากนี้ไปจะเป็นสาขาที่มีการควบคุมสูงโดยส่วนใหญ่จะดูแลโดยองค์กรของรัฐที่รับผิดชอบต่อประชาชน ธนาคารในภูมิภาคจะเปลี่ยนเป็นสหกรณ์ที่ดำเนินการโดยประชาชนเพื่อประโยชน์ของเศรษฐกิจในท้องถิ่น

8) สนับสนุนการศึกษาที่แท้จริงและการทำข่าวเชิงสืบสวน

เสนอให้มีการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพเพื่อสร้างการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อพวกเขาจะได้รู้จักการคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพสังคมและใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการศึกษาให้เต็มที่ พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวรรณคดีปรัชญาและวิทยาศาสตร์ตั้งแต่วัยเยาว์เพื่อที่จะสามารถเข้าใจประเด็นที่ซับซ้อนในยุคของเรา

เราจะสร้างระบบการศึกษาใหม่ที่ประชาชนทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนจะได้รับสิทธิในการศึกษาที่มีคุณภาพเพราะเราคาดหวังให้ทุกคนเป็นพลเมืองที่กระตือรือร้น มีวารสารศาสตร์เป็นส่วนเสริมของการศึกษาที่คอยแจ้งให้พลเมืองของเราทราบเกี่ยวกับประเด็นที่แท้จริงของประเทศ สอนให้พวกเขารู้จักการคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่อยู่เบื้องหลังพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของระบบสื่อสารมวลชน

ในขณะที่พลเมืองควรเรียนรู้ที่จะคิดอย่างเป็นกลางและทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสังคมที่ดี ประกอบกับรัฐบาลต้องสนับสนุนสื่ออิสระในระดับท้องถิ่นและระดับชาติที่อุทิศตนเพื่อการแสวงหาความจริงและกระตุ้นให้ประชาชนคิดด้วยตนเอง โดยผ่านการส่งเสริมการแสดงออกทางศิลปะที่ประชาชนสร้างสรรค์ด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น การสร้างภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ ภาพวาดและภาพถ่าย โดยได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับงานนั้น ๆ ซึ่งจะทำให้พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับพลเมืองของเรา

9) การแก้ไขครั้งที่ 13 และการยุติการเป็นทาส

การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 13 ของเราห้ามการมีทาสอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอาชญากรรมที่เป็นไปเพื่อผลกำไรขององค์กร เหล่านี้จะสิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อยกเว้นโดยการใช้การแก้ไขครั้งที่ 13 อย่าง

10) การค้าต้องเป็นระบบนิเวศและเสรีอย่างแท้จริง

เสนอให้สนับสนุนการค้าที่เป็นมิตรกับระบบนิเวศ และเอื้อประโยชน์ต่อพลเมืองในท้องถิ่น คือไม่ทำลายอุตสาหกรรมและฟาร์มดั้งเดิม ประชาชนต้องร่วมกันคิดใหม่ทั้งหมดว่าการค้าหมายถึงอะไรและสร้างระบบการค้าเสรีเชื้อเพลิงฟอสซิล 100% ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และเคารพความต้องการของชุมชนในท้องถิ่น

11) ความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมเป็นหัวใจสำคัญของวิกฤตการณ์ทางการเมืองนี้

เสนอให้มีนโยบายรณรงค์และรักษาศีลธรรมที่มีในตัวปัจเจกบุคคล ตลอดจนสร้างชุมชนที่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมและความชอบธรรมจนกระทั่งเราสามารถไว้วางใจเพื่อนบ้านพูดคุยกับลูก ๆ อย่างตรงไปตรงมาและรักษาค่านิยมร่วมกัน การทุตริตทางศีลธรรมที่เกี่ยวข้องกับ “เสรีภาพ” และ “ความยุติธรรม” ต้องหมดไป

12) เปลี่ยนหน่วยข่าวกรองทางทหาร

เนื่องด้วยในอดีตเกิดปัญหาการทุจริตของทหารในการซื้อขายอาวุธ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องเปลี่ยนแปลงหน่วยข่างกรองทหาร โดยเสาะหาชายและหญิงที่เต็มใจสละชีวิตเพื่อประเทศของตน ปกป้องภัยคุกคามด้านความมั่นคงอย่างแท้จริง ไม่ใช่ต้องทำหน้าที่ที่อันตรายเพื่อรักษาลประโยชน์ของกลุ่มคนเพียงบางกลุ่มที่มาพร้อมกับสนธิสัญญาลับ ๆ มากมาย

13) หยุดอิทธิพลที่เป็นอันตรายของเทคโนโลยีต่อพลเมืองของเรา

หน้าที่ของพลเมืองอย่างหนึ่งคือ การตระหนักถึงคุณค่าและประโยชน์ของเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างแท้จริง โดยคิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก ให้ความสนใจกับสื่อขององค์กรที่เสนอวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในเชิงบวก นอกจากนี้ ประชาชนพึงตระหนักและทบทวนถึงผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีต่อสังคมเทคโนโลยีจะมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่แท้จริงในยุคปัจจุบันและไม่ได้ใช้เพื่อบงการเรา ตลอดจนมีความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสภาพโลกของเราและสังคม

14) หยุดการรณรงค์ต่อต้านปัญญาเพื่อทำให้เราโง่ลง

ยกระดับการมีส่วนร่วมทางปัญญาในทุกมุมของประเทศของเราและส่งเสริมให้ประชาชนคิดด้วยตนเองและเสนอแนวทางแก้ไขด้วยตนเอง รณรงค์ให้ประชาชนเห็นคุณค่าการอ่าน การเขียน และการอภิปรายซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการส่งเสริมทางปัญญา และต้องได้รับการสนับสนุน พลเมืองไม่ควรพึ่งพาความคิดเห็นของผู้มีชื่อเสียง สื่อโฆษณา

นอกจากนี้ยังเสนอให้อุตสาหกรรมโฆษณาและประชาสัมพันธ์ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดที่สุดเพื่อให้พลเมืองได้รับชมภาพในสื่อที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางปัญญาและสนับสนุนชุมชนที่มีสุขภาพดี พลเมืองมีสิทธิที่จะอ่านบทความ และรับชมการถ่ายทอดสดซึ่งบรรยายถึงความเป็นจริงของชีวิตอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และมีอิสะไม่อยู่ภายใต้รายการที่ถือเป็นฉากจำลองจากชีวิตที่เกิดจากการโฆษณ

15) ฟื้นหลักการอิโรควัวส์เจ็ดชั่วอายุคน

เสนอให้เห็นความสำคัญของหลักการ “รุ่นที่ 7” ตามประเพณีของชาวอิโรควัวส์และของชนพื้นเมืองอื่น ๆ ที่เรียกร้องให้เราพิจารณาว่าการตัดสินใจของเราในวันนี้จะมีผลต่อชีวิตของลูกหลานของเราเจ็ดชั่วอายุคนในอนาคตอย่างไร หลักการนี้เป็นวิทยาศาสตร์และมีเหตุผลน่าเชื่อถือพอ และเสนอให้หลักการ “รุ่นที่ 7” ถูกเพิ่มเข้าไปในรัฐธรรมนูญเพื่อการแก้ไขและใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการประเมินค่าใหม่ทั้งหมดของสมมติฐานทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอันเป็นเครื่องประเมินคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ ความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมและความเจริญรุ่งเรืองของสัตว์ป่าและพืช

ประชาชนทุกคนในรัฐพึงเห็นว่าความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่รอดของเรา มีการสร้างระบบแลกเปลี่ยนระหว่างพลเมือง เพื่อให้เพื่อนบ้านสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันและตั้งโปรแกรมสำหรับการสนับสนุนซึ่งกันและกันที่ทำให้ครอบครัวและชุมชนพึ่งพาตนเองได้

นอกจากนี้เรายังต้องให้อำนาจประชาชนในการดูแลซึ่งกันและกัน เรียนรู้เรื่องยา สมุนไพรและการออกกำลังกายที่เหมาะสมเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ ด้วยตนเองโดยไม่ต้องใช้เงินเลย

16) การทำการเกษตรเพื่อประชาชนและเศรษฐกิจอาหารที่ดีและเป็นธรรม

การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอุณหภูมิที่เกิดจากภาวะโลกร้อนจะทำให้ต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้นทำให้การทำฟาร์มเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดอีกครั้งเพื่อความอยู่รอด โดยสนับสนุนการทำการเกษตรโดยประชาชนและเพื่อประชาชน คือ ประชาชนมีที่ดินทำกินของตนเอง มีระบบการกระจายสินค้าเพื่อการเกษตรทั้งหมดจะต้องได้รับการควบคุมและทำให้เกิดความยุติธรรม การผลิตอาหารในลักษณะที่ไม่ทำลายดินและน้ำของเรามีความสำคัญมากกว่าการผลิตอาหารเพียงไม่กี่อย่างที่จะสร้างความมั่งคั่งจากการส่งออกทางการเกษตร ชาวอเมริกันต้องยอมรับการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนและลงมือทำเดี๋ยวนี้

17) ทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ

เสนอให้มีการกำหนดและการดำเนินนโยบายภายในรัฐธรรมนูญต้องได้รับการจัดการอย่างโปร่งใสภายในหน่วยงานของรัฐที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัจจุบันพรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย คือพรรครีพับลิกันและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ทั้ง ๆ ที่พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญในการปกครองหรือกำหนดนโยบาย และเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับประชาชนในระดับท้องถิ่นในการพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น